เปิดบริการทุกวัน 11.00-20.00 น.
064-645-6469

LLLT vs. LED ต่างกันอย่างไร ในการรักษาอาการผมร่วง?

เลเซอร์รักษาผมร่วง LLLT vs. LED ต่างกันอย่างไรในการรักษาอาการผมร่วง?

          ปัจจุบัน การใช้แสงบำบัดเพื่อรักษาผมร่วงได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะ LLLT (Low-Level Laser Therapy) และ  LED (Light-Emitting Diode) ซึ่งเป็นสองเทคโนโลยีที่ดูเหมือนคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างในเชิงหลักการทำงาน ประสิทธิภาพ และการนำไปใช้ในการรักษาผมร่วง

1. เลเซอร์รักษาผมร่วงแหล่งกำเนิดแสง

หนึ่งในความแตกต่างที่ สำคัญของ LLLT และ LED คือแหล่งกำเนิดของแสง

เลเซอร์รักษาผมร่วง LLLT vs. LED ต่างกันอย่างไรในการรักษาอาการผมร่วง?

  • LLLT (เลเซอร์กำลังต่ำ): ใช้ เลเซอร์ไดโอด (Laser Diode) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงที่มีความเข้มข้นสูงกว่าและสามารถโฟกัสไปที่พื้นที่เป้าหมายได้โดยตรง แสงจากเลเซอร์จะถูกปล่อยออกมาในลำแสงที่เป็นระเบียบ ทำให้พลังงานแทรกซึมลึกลงไปถึงรากผมได้อย่างแม่นยำ

การฉายแสง หรือที่เรียกว่า Low-Level Light Therapy (LLLT) ใ

 

  • LED (ไดโอดเปล่งแสง): ใช้ หลอด LED ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงที่กระจายตัวกว้างกว่าและไม่สามารถเจาะลึกลงไปถึงชั้นลึกของหนังศีรษะได้มากเท่ากับเลเซอร์ พลังงานจาก LED อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตที่หนังศีรษะได้ดี แต่ไม่สามารถกระตุ้นรากผมได้เท่ากับ LLLT

2. กลไกการทำงานในการกระตุ้นรากผม

การกระตุ้นรากผมเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาผมร่วง ซึ่ง LLLT และ LED ทำงานแตกต่างกัน

  • LLLT: แสงเลเซอร์กำลังต่ำจะกระตุ้น ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นโรงงานพลังงานของเซลล์ให้ผลิต ATP (Adenosine Triphosphate) มากขึ้น ATP เป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ที่ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญและฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรงขึ้น
  • LED: แสงจาก LED ไม่สามารถซึมลึกถึงระดับเซลล์รากผมได้มากเท่ากับเลเซอร์ แต่สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้สารอาหารและออกซิเจนถูกลำเลียงไปยังรากผมมากขึ้น ส่งผลให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีและลดการอักเสบ

3. ความยาวคลื่นของแสงและประสิทธิภาพ

ความยาวคลื่นของแสงที่ใช้มีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาผมร่วง

  • LLLT: โดยทั่วไปใช้ความยาวคลื่นในช่วง 650–680 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
  • LED: ใช้ความยาวคลื่นที่หลากหลาย เช่น
    • 620–660 นาโนเมตร: กระตุ้นรากผม แต่พลังงานที่ส่งถึงรากผมไม่สูงเท่ากับ LLLT
    • 800–900 นาโนเมตร: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งสารอาหารไปยังรากผม

แม้ว่า LED จะมีประโยชน์ในการบำรุงหนังศีรษะ แต่ LLLT มีประสิทธิภาพมากกว่าในการกระตุ้นรากผมให้แข็งแรงและช่วยลดอาการผมร่วงได้ดีกว่า

4. ประสิทธิภาพในการรักษาผมร่วง

LLLT และ LED สามารถใช้เพื่อรักษาผมร่วงได้ แต่มีระดับประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน

  • LLLT: มีงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับที่สนับสนุนว่า LLLT สามารถช่วย ยับยั้งฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วงจากพันธุกรรม และช่วยให้วงจรเส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้นานขึ้น ส่งผลให้เส้นผมหนาขึ้นและแข็งแรงขึ้น
  • LED: แม้ว่าจะช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีขึ้น แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น้อยกว่าเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม โดยมักใช้เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะเป็นหลัก

5. การใช้งานทางคลินิก vs การใช้ที่บ้าน

การเลือกใช้อุปกรณ์ขึ้นอยู่กับความสะดวกและเป้าหมายในการรักษา

  • LLLT: มักใช้ในคลินิกเสริมความงามและคลินิกปลูกผม โดยมีอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หมวกเลเซอร์ (Laser Cap) และหวีเลเซอร์ (Laser Comb) ที่สามารถใช้ที่บ้านได้ แต่ราคามักสูงกว่าอุปกรณ์ LED
  • LED: อุปกรณ์ที่ใช้ LED เช่น หวี LED และหมวก LED มีราคาถูกกว่าหมวกเลเซอร์ และสามารถใช้ที่บ้านได้ง่ายกว่า แต่ผลลัพธ์อาจไม่เด่นชัดเท่า LLLT

6. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า

  • LLLT: ราคาสูงกว่า แต่มีหลักฐานสนับสนุนมากกว่าว่าสามารถช่วยรักษาผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • LED: ราคาถูกกว่าและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลหนังศีรษะ แต่ไม่ได้เน้นเรื่องการกระตุ้นรากผมโดยตรง

สรุป


 

คุณสมบัติ LLLT (เลเซอร์กำลังต่ำ) LED (ไดโอดเปล่งแสง)
แหล่งกำเนิดแสง เลเซอร์ไดโอด หลอด LED
การซึมลึกของพลังงาน ลึกถึงรากผม อยู่ในระดับหนังศีรษะ
กลไกการทำงาน กระตุ้นไมโทคอนเดรียให้สร้าง ATP เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
ประสิทธิภาพ ดีที่สุดสำหรับการรักษาผมร่วง ดีสำหรับบำรุงหนังศีรษะ
ความยาวคลื่น 650–680 นาโนเมตร 620–900 นาโนเมตร
ใช้งานที่ไหน คลินิกและอุปกรณ์ใช้ที่บ้าน อุปกรณ์ใช้ที่บ้าน
ค่าใช้จ่าย สูงกว่า ต่ำกว่า

แนะนำการเลือกใช้

  • หากคุณต้องการรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์หรือภาวะผมบาง LLLT เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
  • หากคุณต้องการบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต LED เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและราคาถูกกว่า

ดังนั้น การเลือกใช้เลเซอร์รักษาผมร่วง LLLT หรือ LED ควรพิจารณาจากเป้าหมายในการรักษาผมร่วง งบประมาณ และความสะดวกในการใช้งาน

ปรึกษาคุณหมอฟรี

(ไม่มีค่าใช้จ่าย)