เปิดบริการทุกวัน 11.00-20.00 น.
064-645-6469

ย้อนกลับปัญหาผมร่วง ด้วย การฉีด PRP ผม

การฉีด PRP ผม : การบำบัดฟื้นฟูเส้นผมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)


การฉีด PRP ผม คืออะไร?

          PRP คือส่วนประกอบหนึ่งของเลือดที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูง ซึ่งเกล็ดเลือดเหล่านี้อุดมไปด้วย Growth Factors หรือปัจจัยการเจริญเติบโต ที่มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและรากผมของเราด้วยครับ

การฟื้นฟูผมด้วย PRP คืออะไร และทำงานอย่างไร?

          PRP (Platelet-Rich Plasma) เป็นเทคนิคที่ใช้เซลล์จากร่างกายของเราเองเพื่อช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม แพทย์เริ่มใช้การบำบัดด้วย PRP ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 โดยเดิมทีใช้เพื่อเร่งกระบวนการฟื้นตัวของข้อต่อที่ได้รับบาดเจ็บ ต่อมามีการค้นพบว่าพลาสม่าที่มีความเข้มข้นสูงสามารถช่วยยืดระยะการเจริญเติบโตของเส้นผมได้
แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากแขนของคุณในปริมาณเล็กน้อย และนำมาปั่นแยกพลาสมา เลือดที่เก็บมาจะถูกนำเข้าสู่เครื่องปั่นเหวี่ยง เพื่อแยกพลาสม่าที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดออกจากเซลล์เม็ดเลือดแดง
การฉีด PRP เข้าไปในหนังศีรษะ พลาสม่าที่ได้จะถูกฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง โดยแพทย์ เมื่อ PRP ถูกฉีดเข้าไปแล้ว จะเริ่มทำงานตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยช่วย ซ่อมแซมหลอดเลือด กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ และเพิ่มการสร้างคอลลาเจน ซึ่งส่งผลให้เส้นผมหนาขึ้นและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ขั้นตอนการฉีด PRP ผม

การฉีด PRP ผม : การบำบัดฟื้นฟูเส้นผมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)

 

  • การเจาะเลือด
    แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากแขนของคนไข้ในปริมาณเล็กน้อย ประมาณ 10-20 มิลลิลิตร ซึ่งคล้ายกับการตรวจเลือดทั่วไป

  • การปั่นแยกพลาสม่า
    เลือดที่ได้จะถูกนำไปใส่ในเครื่องปั่นเหวี่ยง ซึ่งจะหมุนด้วยความเร็วสูงเพื่อแยกส่วนประกอบของเลือดออกมา ส่วนที่ต้องการคือ พลาสม่าที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด (PRP) ที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าเลือดปกติถึง 4-5 เท่า

  • การกระตุ้นเกล็ดเลือด
    ในบางกรณี แพทย์อาจใช้สารกระตุ้นบางชนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Growth Factors ใน PRP ทำให้สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น

  • การฉีด PRP เข้าสู่หนังศีรษะ
    PRP ที่สกัดได้จะถูกฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือผมร่วง แพทย์อาจใช้เทคนิค Dermapen หรือ Microneedling ร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ PRP ซึมเข้าสู่หนังศีรษะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • หลังการฉีด PRP
    หลังทำการรักษา คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ควรดูแลหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงกับเส้นผมในช่วงแรก

PRP ผม เหมาะกับใคร?

PRP Hair Therapy หรือการฉีด PRP ผม เป็นเทคนิคฟื้นฟูเส้นผมโดยใช้ เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Rich Plasma – PRP) จากร่างกายของคนไข้เอง ฉีดเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ส่งเสริมการงอกของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและหนาขึ้น

          การฉีด PRPผม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง รวมถึงผู้ที่มีภาวะผมร่วงจากพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผมให้แข็งแรงหลังจากการทำเคมีบำบัด นอกจากนี้ ยังมีการนำ PRP ไปใช้รักษาปัญหาผมร่วงจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) หรือผมร่วงหลังคลอดบุตร

ข้อดีของการฉีด PRPผม

  • เป็นธรรมชาติ: ใช้เลือดของคนไข้เอง จึงมีความปลอดภัยสูง และไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือผลข้างเคียงรุนแรง
  • เห็นผลลัพธ์: ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม
  • ไม่ต้องพักฟื้น: หลังการฉีด สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที
  • ทำได้หลากหลายบริเวณ: นอกจากหนังศีรษะแล้ว ยังสามารถใช้ PRP รักษาปัญหาผมบางในบริเวณอื่นๆ ได้ เช่น หนวด เครา หรือคิ้ว

ข้อควรระวัง

  • จำนวนครั้ง: อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 3-6 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์
  • ผลลัพธ์ส่วนบุคคล: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ในขณะที่บางรายอาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผล
  • ค่าใช้จ่าย: มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการผมดกหนาอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ข้อห้าม: ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือมีโรคเกี่ยวกับเลือด ไม่ควรเข้ารับการรักษาด้วย PRP

ข้อมูลอัปเดตจากต่างประเทศ

          มีการศึกษาและงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับ PRP ผม ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ต่างประเทศ ซึ่งยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการฉีด PRP  ในการรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง โดยมีการศึกษาที่พบว่า PRP สามารถช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม และลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่พบว่า PRP สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ผมแข็งแรงและมีสุขภาพดี

สรุป

          ฉีด PRP ผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ที่ต้องการฟื้นฟูผมให้กลับมาดกหนาอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  • Q: ฉีด PRP ผม เจ็บไหม?
    • A: ขณะฉีดอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วจะทนได้ครับ แพทย์อาจใช้ยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด
  • Q: ฉีด PRP ผม กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
    • A: โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 3-6 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • Q: ผลลัพธ์ของการฉีด PR ผม อยู่ได้นานแค่ไหน?
    • A: ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานหลายเดือนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและการดูแลรักษาผมหลังการรักษา
  • Q: ฉีด PRP ผม มีผลข้างเคียงไหม?
    • A: โดยทั่วไปแล้ว  PRP ผมมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เลือดของคนไข้เอง แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง หรืออาการบวม บริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ปรึกษาคุณหมอฟรี

(ไม่มีค่าใช้จ่าย)